อย่างที่สัญญากันไว้ว่าครั้งนี้จะเป็นทริประยะไกลกันบ้าง พูดถึงช่วยนี้ก็ต้อง ใบไม้เปลี่ยนสี ก็เลยคุยกับเพื่อนว่าไปนิกโก้กันเถอะ
พูดถึงนิกโก้ซะหน่อย
นิกโก้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่่อยู่ทางเหนือของโตเกียว (นั่งรถไฟประมาณ 2 ชม.) จุดเด่นของเมืองนี้ก็คือ ธรรมชาติที่งดงาม เป็นจุดนึงที่นิยมมาดูใบไม้เปลี่ยนสีกัน
หรือสำหรับคนที่ชอบเดินป่า ก็มีเส้นทางสำหรับ Hiking อยู่หลายเส้นเหมือนกัน ตั้งแต่ใช้เวลาเพียง 2-3 ชม. หรือจะทั้งวันก็มี
นอกจากนี้ก็ยังมีโซนมรดกโลกที่สวยงามมากๆ ไม่แพ้กัน และนอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพุร้อนที่ขึ้นชื่ออีกตังหาก
หรือจะไปเที่ยว Theme park อย่าง Edo wonderland ที่จำลองเมืองยุคเอโดะมาให้เดินเล่นกัน พร้อมกับโรงละครอีกมากมายให้เลือกดู ทำให้เพลิดไปทั้งวันกันเลยทีเดียว
เรียกว่าครบครันกันเลยทีเดียว กับนิกโก้แห่งนี้
อีกนิดนึงขอแบ่งส่วนสำหรับคนที่จะไปเที่ยวนิกโก้เป็น 4 ส่วน ตามนี้งิ
1. มรดกโลก ถ้าค่อยๆ เดินเก็บรายละเอียดและถ่ายรูป ก็จะใช้เวลาเกือบทั้งวันเลยทีเดียว
2. ขึ้นเขา นั่งรถบัสไปดูน้ำตกและทะเลสาบ อาจจะปิดท้ายด้วยการไปชมบ่อน้ำพุร้อนซักแห่ง
3. เดินเขา Hiking ถ้ามีเวลาทั้งวัน ก็จะมีคอร์สสวยๆ ที่คุ้มกับเวลาที่เสียไปมากๆ เลยงิ
4. เที่ยว Edo Wonderland โดยส่วนตัวเที่ยวแค่เอโดะ+ดูโชว์ให้ครบ ก็กินเวลาทั้งวันแล้วล่ะงิ
เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้คุ้มก็ ควรจะมีเวลาเที่ยวซัก 2-3 วัน นะงิ
ว่าแล้วก็เริ่มเดินทางกันเลย
เพื่อที่จะนั่งรถไฟยาวๆ ไปที่นิกโก้
แนะนำให้ซือตัวก่อนล่วงหน้า เพราะรถไฟเที่ยวแรกๆ จะออกก่อนที่ห้องขายบัตรส่วนลดจำพวก All Nikko Pass จะเปิดนะ
รายละเอียด Pass ต่างๆ ดูได้จาก Link นี้เลย http://www.tobu.co.jp/foreign/pass/index.html
ตึกนี้แหล่ะงิ
เช้านี้อากาศดี เห็น Tokyo Skytree ได้ชัดเจนเลยล่ะงิ
รถไฟคันนี้แหล่ะทีจะพาเราไปยังนิกโก้
ตารางเวลา
ถ้าซื้อแค่ Pass ก็จะนั่งได้แค่สายสีน้ำเงิน แต่ถ้าเพิ่มตังนิดหน่อยก็สามารถนั่งพวก Express ได้นะงิ
อะแล้วก็อีกนิดนึง สำหรับคนที่จะไปนิกโก้ให้ขึ้นโบกี้ 5 กับ 6 จะได้นั่งยาวๆ นะงิ
เพราะขนวนนี้จะไปตัดขนวนเพื่อแบ่งไป นิกโก้ กับ คินุกาว่า นะ
วิวสวยตลอดทางเลยจริง (มีแอบหลับไปบางช่วงเหมือนกันงิ)
ในรถก็คนเยอะเหมือกนันนะงิ
แนะนำให้มาก่อนเวลารถออกซักหน่อย จะได้มีที่นั่งกันนะ
วิวภายนอกสถานีสวยมากๆ เลยล่ะ
แผนที่ของนิกโก้ล่ะงิ
นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Shinkyo เพื่อเที่ยวมรดกโลกกันก่อนเลย
สะพานแดงในตำนาน (ฮา)
มีใบไม้แดงให้ดูประปรายล่ะงิ
แต่ถึงอย่างนั้นก็เข้าไปดูข้างในอยู่ดี (ฮา)
ซ่อมกันอยู่จริงๆ ด้วยล่ะ เห็นว่าถ้ามาเร็วกว่านี้จะเห็นตัวหลังคาอยู่นะงิ
แต่วิวจากด้านบนก็สวยไม่ใช่เล่นเลยเหมือนกันนะ
ยิงพาโนราม่าซักหน่อย ฮิฮิ
ออกจากตัวอาคารสำหรับซ่อมบำรุงก็จะมีสวนอยู่ข้างๆ สวยมากๆ เลยจริงๆ
(น่าคอสเนอะ)
(น่าคอสเนอะ)
เดินต่อกันอีกหน่อยจะเจอทางเดินหลัก ที่จะไปยังส่วนต่อไปล่ะงิ
สมัยก่อนก็ประมาณนี้สินะงิ
ต่อจากนี้ถ้าจะเข้าต้องเสียอีก 1400 เยน แต่เราว่าคุ้มนะ เป็น ไฮไลท์อย่างนึงที่ไม่ควรพลาดเลย
ใครจะเข้าไปดูแมวหลับ กับสุสานโชกุนก็ต้องเข้าทางนี้แหล่ะงิ
ตรงนี้เป็นคอกม้า ส่วนด้านบนก็คือรูปแกะสลักลิงสามตัวที่ขึ้นชื่อนั้นเอง
ขึ้นไปด้านบนกันบ้าง ส่วนตรงนีก็มีที่กำลังบูรณะอีกแล้วงิ
เข้าไปต่อจะเป็นส่วนของตัวอาคารหลัก สีทองอร่าม เด่นสุดตากันเลยทีเดียว
เสียดาย ภายในเขาไม่ให้ถ่ายรูปง่ะ
งานแกะสลักทำได้ละเอียดมากๆ เลยทีเดียว
ตรงที่ยังไม่ได้บูรณะ ก็จะประมาณนี้ล่ะงิ
เหล้าเต็มไปหมดเลย XD
กระจกล่ะงิ
ไฮไลท์แมวหลักล่ะ (จริงๆ ตัวก็ไม่ได้ใหญ่มากเลยล่ะงิ)
ที่แปลกคือ ตรงส่วนอื่นใต้คานจะเป็นนก แต่ตรงนี้ที่เดียวที่เป็นแมวล่ะ
เดินลอดออกมาก็จะเป็นทางขึ้นไปยัง สุสานโชกุลล่ะงิ แถวยาวกันเลยทีเดียว
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่เขาว่าอยู่คู่กับสุสานมาช้านาน
ตอนลง มองเห็นตัวอาคารหลักด้วยล่ะงิ
อีกซักรูปก่อนลงงิ
แผนที่ของส่วนมรดกโลกทั้งหมดล่ะงิ
หลังจากนั้นก็ นั่งรถบัสไปยังป้าย Akechidaira
แน่นอนว่าวิวสวยตลอดทาง
แถมโค้งเยอะเหมาะแก่การดริปลงเขามากมาย (ไม่ใช่ละงิ)
ถึงแล้วป้าย Akechidaira ตรงนีจะมีร้านอาหารและขายของฝากด้วยล่ะ
วิวของป้ายนี้เองก็สวยมากๆ เช่นกัน
แวะเข้ามาหาอะไรกินก่อนจะไปต่อกันล่ะงิ
ต่อไปก็จะขึ้นกระเช้าไปดูน้ำตก
ราคากระเช้าจะมี 2 ราคา คือเที่ยวเดียว กับไป-กลับ (ราคาประมาณ 500 กว่าเยนนะ ถ้าจำไม่ผิด)
(ไปเที่ยวเดียว ก็สามารถ ที่จะเดิน Hiking กันต่อได้เลย)
วิวก็สวยอยู่ดีล่ะงิ
ถึงละด้านบน จะบอกว่าหนาวมากๆ ยืนตรงริมๆ นี่มือชาจนแทบไม่รู้สึกว่ามีนิ้วอยู่เลยล่ะงิ
ที่ขึ้นมานี่ก็เพื่อดูน้ำตก Kegon อยู่ตรงนี้ก็ยังได้ยินเสียงน้ำตกเลยนะงิ
ฝั่งที่ขึ้นมาล่ะงิ
สำหรับคนที่จะไป Hiking ก็ทางนี้เลย
เดินขึ้นมาดูนิดหน่อยล่ะงิ
ตรงนี้ได้ยินเสียงน้ำตกชัดมากๆ เลยล่ะ
ลงละงิ
กินดังโงะย่าง รอรถบัสมา
(มาสายอีกตังหาก ไหนว่าญี่ปุ่นตรงเวลาไงงิ (ฮา))
ป้ายสุดท้ายกันแล้ว สำหรับวันนี้ Chuzenji Onsen
เสียดายที่มาถึงก็พระอาทิตย์ก็เกือบตกดินไปแล้ว
(ยังไม่ 5 โมงเย็นเลยแท้ๆ T_T)
ก็เลยไม่ได้ไปเดินทะเลสาบ แล้วเลือกไปดูน้ำตก Kegon ใกล้ๆ แทนล่ะงิ
น้ำตก Kegon ใกล้ๆ
ถ้ามาเร็ว จะมีลิฟท์เพื่อลงไปดูน้ำตกจากด้านล่างด้วยล่ะ
(เสียเงินนะ)
แวะมาดูตลาดด้าหน้าซะหน่อย
อุ่นจริงจังงิ
หะ หัวใหญ่มากง่ะ ตกใจ XD
แล้วก็นั่งรถบัสกลับมาโรงแรมกันล่ะงิ
ห้องนึงอยู่ได้ตั้งแต่ 2-6 คน แล้วแต่จองิ
ราคาต่อคนก็ 7800 เยนต่อคืน ไม่แพงๆ
ภายในห้องล่ะงิ
มีห้องอาบน้ำ ที่เป็นออนเซนให้ด้วย (แต่ก็ในร่มล่ะนะ)
แน่นอนว่าต้องถอดหมดนะงิ แต่ก็ไม่ต้องกลัวอาย เพราะควันเยอะมาก
ถ้ายืนห่างกันซะหน่อย ก็แทบไม่เห็นอะไรแล้วล่ะงิ XD
(ตอนแรกเราก็อายๆ ล่ะนะงิ)
ก่อนนอนก็ไปหาอะไรกินกันซะหน่อย ทางโรงแรมก็แนะนำร้านให้อยู่หลายร้านเลยทีเดียว
แต่สุดท้ายก็เลือก โอโคโนมิยากกิ ล่ะงิ
อร่อยมากๆ เช่นกัน แต่รสชาติก็แตกต่างกับที่ไทยพอควรเลยงิ
เหล่าสมาชิก ที่ไปด้วยกันล่ะงิ
ถ้าจะถามว่า ใบไม้แดงทำไมน้อยจัง อันนี้ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันล่ะงิ
สงสัยเหมือนกันว่า มาเร็วไป หรือช้าไปกันแน่ แต่ก็ยังดีที่ได้เห็นอยู่บ้างล่ะนะงิ
แล้วก็พอไปเที่ยว Nikko ก็รู้สึกว่า ทำไม ทำไมน้า เราไม่เอา DSLR มาจากไทย
กล้องมือถือมันถ่ายไม่ได้ดังใจคิดเลย T_T เศร้า
กล้องมือถือมันถ่ายไม่ได้ดังใจคิดเลย T_T เศร้า
วันนี้จบก่อนเท่านี้ แต่ยังไม่หมดนะ ยังมีส่วนขอวันที่สองอีก ไว้คอยติดตามกันต่อไปนะงิ
แล้วเจอกันน้า~~~~~รวม Link สำคัญ
All Nikko Pass
http://www.tobu.co.jp/foreign/pass/index.html
ตารางเวลารถไฟ
http://www.tobu.co.jp/foreign/img/timetable_pdf2.gif
เส้นทางรถบัส (ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.tobu-bus.com/pc/area/nikkou.html
แผนที่คราวๆ
http://www.nikko-japan.org/pdf/mapofnikko.pdf
แผนที่สำหรับ Hiking
http://www.nikko-jp.org/pamphlets/pdf/hiking_us.pdf
1 ความคิดเห็น:
แวะมาอ่านบล็อคจ้า ไว้จะมาอ่านเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็น